วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ข้อดีของธุรกิจเครือข่าย (MLM)

ข้อดีของธุรกิจเครือข่าย (MLM)

1. คือ Win – Win Business (ธุรกิจที่ชนะชนะ ) เมื่อคนที่ท่านแนะนำธุรกิจ (ลูกทีมของท่าน) สำเร็จ
ท่านในฐานะผู้แนะนำ…. จึงจะ…. สำเร็จด้วย

2. คือ No – Risk Business (ธุรกิจที่ไม่มีความเสี่ยง) ด้วยขนาดเงินลงทุนต่ำ แต่ใช้สัมพันธภาพสูง ใช้เวลาพอควร ท่านไม่ต้องลงทุนสร้างทรัพย์สิน อาคาร, อุปกรณ์, ที่ดิน (บนกองหนี้สินหรือเงินเรา้)

แต่ท่าน…. กำลัง….สร้าง ทรัพย์สินคือ เครือข่ายประชากร (People Assets) ที่…. ผูกโยง กันด้วยสัมพันธภาพ
และ…. ได้ผลตอบแทนจากทรัพย์สินบนบันทึกข้อตกลง ผลประโยชน์ร่วมกัน!
และ…. ผลตอบแทนนี้ได้มาจาก ผลรวมของทั้งเครือข่าย
บางคน…. เรียกผลตอบแทนนี้ว่า Passive Income
(รายได้ที่ไม่ต้องลงแรงด้วยตนเอง แม้ว่าคุณจะหยุดทำงาน แต่รายได้ ของคุณยัง เกิดขึ้นต่อเนื่องตลอดเวลา)

3. เป็นธุรกิจที่ท่านสามารถเลือกเวลาทำงานตามใจปรารถนา ไม่ต้องตอกบัตรเข้างาน 8.00 น. ไม่ต้องตอกบัตรออกงาน 17.00 น. ไม่ต้องยื่นใบลากิจ, ลาพักร้อนกับใคร นอกจากขออนุญาติตัวเอง! เป็นเจ้านายงานในเวลาของตนเอง (Time Freedom) นั่นคือ… มีอิสระภาพทางเวลา!
4. เป็นธุรกิจที่กำลังอยู่ในทิศทางใหม่ของโลก เพื่อให้ท่านได้มีเวลา อยู่กับครอบครัวให้มากขึ้น (Home Based Business) เพราะ ธุรกิจนี้ทำบนโต๊ะอาหารภายในบ้านของท่าน และบ้านของคนใน เครือข่ายได้
5. เป็นระบบที่เสริมสร้างโอกาสให้ ได้ร่วมทำงานกับ คนหลากหลาย อาชีพ, หลากหลายประสบการณ์, หลากหลายวัฒนธรรม (Multi Experience – Multi Profession – Multi culture) บนความเท่าเทียมกัน ไม่มีใครเป็นเจ้านาย-ลูกน้อง
ทุกคน คือ สมาชิกอิสระ (Distributor) ภายในระบบธุรกิจมีการ…. ถ่ายทอด…. องค์ความรู้ในวิชาชีพ
องค์ความรู้ในผลิตภัณฑ์…. จิตวิญญาณที่ปลุกพลังแห่งความสำเร็จ ลงไปเป็นชั้น ๆ ต่อ ๆ กัน ไม่รู้จบ

6. เป็นธุรกิจที่ต่อเชื่อมท่านเข้ากับธุรกิจ ข้ามชาติระดับโลกท่านไม่ต้องสร้างระบบใหม่ ด้วยตนเอง แต่ดำเนินตาม, ปฏิบัติตามแบบแผน ธุรกิจ (Business – format) ที่วางไว้อย่างดีเป็นแบบเดียวกันทั่วโลก (บางคนเรียกว่าเครือข่ายของแฟรนไชส์ ระดับเล็กๆ หรือระดับบุคคล มาผูกโยงเชื่อมกัน (Network of Micro or Personal Franchisee) แต่ไม่ต้องจ่ายค่ารอยัลตี้ (Royalty fee) ใดๆ เลย
7. เป็นระบบธุรกิจเดียวที่มีผลกำไรงอกเงย ขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง/วัน ตลอด 365 วัน/ปี แม้ท่านเองจะหยุดพักผ่อน, หยุดพักร้อน เพราะเวลาทำงานภายในเครือข่ายของท่าน อาจอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง
ซึ่งกำลังทำงานอยู่ในขณะที่ท่านนอนหลับ
ซึ่งกำลังทำงานอยู่ในขณะที่ท่านหยุดพักร้อน

8. เป็นระบบธุรกิจเดียวที่ผลงานแห่ง ความพากเพียร ของท่าน วันละ 2 ชั่วโมง สามารถทวีคูณไปเป็น วันละ 2,000 ชั่วโมง, 20,000 ชั่วโมง…. แปรผัน…. ตามความใหญ่โตของ เครือข่ายของท่าน
และ…. เมื่อท่านสามารถสร้างสินทรัพย์ (People Assets) เครือข่ายอย่างมีคุณภาพ ท่านก็สามารถทำงาน เต็มที่เพียง 3 – 5 ปี เพื่อรับบำนาญติดต่อกันไปตลอดชีวิต

หากท่านเป็นลูกจ้าง (Employee) มีรายได้จาก เงินเดือนเป็นหลัก ท่านอาจต้องทำงาน 35 ปี (60-25) เพื่อรอกินบำนาญเพียงเล็กน้อยต่อไป 5-15 ปี (หลังอายุ 60ปี)
หากท่านเริ่มงานด้วยเงินเดือนเริ่มต้น เดือนละ 7,000 บาท และโชคดีเงินเดือนของท่าน
ได้รับการปรับเพิ่มทุกๆ ปีๆ ละ 5-10%
เมื่อทำงานติดต่อกันถึง 35 ปี…. ท่านจะได้รับเงินจากผลงานทั้งชีวิต (420 เดือน)
รวมประมาณ 7 ล้านบาท

แต่ท่านทราบไหม? ว่า เงิน 7 ล้านบาทนี้ ท่านอาจสร้างขึ้นได้จากธุรกิจระบบเครือข่าย
(หากครบองค์ 7 : บริษัทมั่นคง, ผลิตภัณฑ์คุณภาพดี แผนธุรกิจดี, แนวโน้มเศรษฐกิจเอื้ออำนวย, ทีมงาน,ผู้บริหารที่มีคุณภาพ,อยู่ในเวลาและโอกาสอันเหมาะสม)
ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี หรือไม่ถึง 5 ปี

ลิขิต วันเกษียณอายุของคุณ เพื่อรับบำนาญ หลังจากนี้ ไม่เกิน 5 ปี
 ที่มา : หนังสือพ่อรวยสอนลูก ชุดโรงเรียนสอนธุรกิจ

วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Blog ช่วยให้ได้ลิสต์รายชื่อและรายได้เข้ากระเป๋าได้จริงจริง









          คุณสามารถที่จะมีรายได้ พร้อมๆกับการสร้างลิสต์รายชื่อที่ Blog ของคุณเอง การที่คุณมี Blog ของตัวเอง คุณควรจะใช้ศักยภาพจากตรงนี้ให้เต็มที่
ถ้าคุณทำธุรกิจเครือข่าย MLM ออนไลน์ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ Blog ซึ่งใช้เป็นศูนย์บัญชาการธุรกิจของคุณ และนี่คือเคล็ดลับสำคัญที่ Blogger จำเป็นต้องรู้ในการเรียกผู้คนให้แวะเข้ามา เยี่ยมเยียน Blog ของคุณอยู่เป็นประจำ (เหมือนเป็นแฟนรายการทีวี หรือวิทยุ) เพิ่มโอกาสการเพิ่มลิสต์รายชื่อ และการสร้างรายได้ให้กับคุณ


1. แบ่งปันสิ่งที่คุณรู้
          ข้อแรก เป็นข้อที่สำคัญมาก มันไม่สำคัญเลยว่าคุณเพิ่งจะมีBlogเป็นของตัวเองหรือไม่ ถ้าคุณมีสิ่งที่คนอื่นไม่รู้ และเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่แวะมาชมBlogของคุณ  เขียนบทความในสิ่งที่คุณรู้ หรืออาจจะทำเป็นวิดีโออธิบายสิ่งที่คุณอยากจะแบ่งปันสั้นๆก็ได้

2. สร้างรายได้จาก Blog ของคุณ
          มีหลายๆวิธีที่จะสร้างรายได้บนBlog ถ้าคุณได้เรียนรู้หลักการสร้างกระแสรายได้จากหลายช่องทาง (multiple streams of income) คุณจะรู้ว่าวิธีหนึ่งที่นิยมใช้กัน ก็คือ การขายสินค้าในลักษณะ affiliate หรือคุณอาจจะสร้างสินค้าขึ้นมาเองและขายเองก็ได้เช่นกัน

3. อย่าละเลยการอัพเดต  Blog ของคุณ
          ถ้าเป็นไปได้เขียนอัพเดตบทความ หรือวิดีโอสอนงานทุกวัน หรือถ้าคุณไม่สะดวกที่จะทำได้ทุกวัน ก็ให้ทำเป็นตารางเวลาอัพเดตในการเขียนบทความใหม่ลงบน Blog ถ้าคุณทำอย่างสม่ำเสมอ
คุณจะพบว่า การแบ่งปันข้อมูลในสิ่งที่คุณรู้และเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นเป็นเรื่องสนุก มากๆ การทำธุรกิจเครือข่าย mlm ด้วยวิธี attraction marketing ก็เป็นหนึ่งในการทำ educational marketing รูปแบบหนึ่งโดยยึดตัวเราเองเป็นศูนย์กลางธุรกิจ (You Inc.)

4. เสนอข้อมูลที่มีคุณค่าต่อผู้อ่าน
         มีหลายๆ Blog ที่ผมเป็นแฟนประจำ แวะไปเยี่ยมเยียนอยู่เสมอ ซึ่ง Blog เหล่านั้น นำเสนอสิ่งที่มีคุณค่า เป็นประโยชน์ อ่านแล้วสามารถนำไปใช้ได้จริง และต้องยอมรับว่าบางครั้งผมก็ใจจดใจจ่อรอเวลาที่ Blog นั้นจะอัพเดตข้อมูล ใหม่ๆให้ผมอ่านอีก
หัวใจของข้อนี้ คือ การที่คุณสามารถให้ผลลัพธ์ (solutions) ต่อผู้อ่านที่สนใจในเรื่องเดียวกับคุณได้ พวกเขาจะแวะเข้ามาที่ Blog คุณอยู่เป็นประจำ

5. โพสต์สิ่งที่น่าสนใจเท่านั้น
         เพราะว่าคุณต้องการให้ผู้คนที่แวะเข้ามาที่blogของคุณ ชื่นชอบและเชื่อถือในตัวคุณ สิ่งสำคัญที่ต้องทำคือการโพสต์บทความหรือวิดีโอสอนงาน โดยใช้หัวข้อที่น่าสนใจ เร้าใจ เห็นแล้วอยากติดตามต่อ คุณจะมีผู้คนที่กลับมาชมblogคุณอยู่เป็นประจำ
คุณคงไม่อยากให้blog มีแต่หัวข้อที่น่าเบื่อ มีแต่ศัพท์เทคนิค วิชาการใช่ไหมครับ ลองดูเวลานักวิชาการพูดสิครับ คุณอยากติดตามต่อ หรือเปลี่ยนช่องไปดูละครแทน
        ลองหาสิ่งใหม่ๆ นึกถึงการเขียนที่สร้างสรรค์ ชวนติดตาม ใส่พลังเข้าไปเวลาที่คุณเขียนหรือทำวิดีโอสอนงาน สร้างตัวคุณให้แตกต่างจากblogของคนอื่นๆ แล้วคุณจะยืนอยู่แถวหน้าในการสร้างรายชื่อที่ผู้คนหมั่นแวะมาเยี่ยมเยียน เป็นประจำ

และคุณจะพบว่า การสร้างรายชื่อ และรายได้ นั้นไม่ยากอย่างที่คิด



: ทุกท่านสามารถแบ่งปั่นประสบการณ์หรือแชร์ความรู้สึกส่วนตัวได้นะครับ 
หรือมีปัญหาตรงไหนสามารถโฟสถามได้เลยครับ 

 โจ้ (ทนงศักดิ์) JOJOE081
      Email  :  jojoe-n@hotmail.com
      Tel      :  01-832-5411
                                                      

ธุรกิจเครือข่าย,ขายตรง,แชร์ลูกโซ่ แตกต่างกันอย่างไร

ธุรกิจเครือข่าย คืออะไร
ขายตรง คืออะไร
แชร์ลูกโซ่ คืออะไร
แตกต่างกันอย่างไร




( Network Marketing หรือ ธุรกิจเครือข่าย และ ความแตกต่างกับ ขายตรง แชร์ลูกโซ่ )

         
ธุรกิจ เครือข่ายเป็นหนึ่งในระบบเคลื่อนสินค้าที่เติบโตเร็วที่สุดและถูกเข้าใจผิด มากที่สุดในปัจจุบัน ธุรกิจเครือข่ายถูกเชื่อว่าจะเป็นคลื่นลูกใหม่ในยุคปี 1980s แต่เชื่อผมเถิดว่า มันจะเติบโตได้ไกลกว่านั้นแน่ ภายในยุค 1990s สินค้า และบริการมูลค่ามากกว่า หนึ่งร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯ ถูกเคลื่อนผ่านบริษัทธุรกิจเครือข่ายทุก ๆ ปี จงจับตามองธุรกิจเครือข่ายในช่วงปี 2000s ถึง 2100s ให้ดี
 
           บท ความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอข้อมูลผ่านทางรูปภาพและตัวอย่างว่า ธุรกิจเครือข่ายคืออะไร และสิ่งไหนไม่ใช่ธุรกิจเครือข่าย เรายังจะแสดงให้คุณเห็นว่า คุณจะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจในธุรกิจเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร ผมขอย้ำ
อธิบายอย่างมีประสิทธิภาพได้ อย่างไร ผมขออนุญาตตอบคำถามที่เป็นหนึ่งในคำถามที่ถูกถามมากที่สุด และอาจเป็นคำถามที่เป็นพื้นฐานที่สุดของบรรดาคำถามทั้งปวง นั่นคือ ธุรกิจเครือข่าย หรือ Multi-level Marketing หรือ MLM นั้นคืออะไร

           Marketing หรือ การตลาด หมายถึง การเคลื่อนสินค้าหรือบริการ จากผู้ผลิตไปถึงผู้บริโภค  Multi-Level อ้างถึง ระบบในการจ่ายค่าตอบแทนให้กับบุคคลผู้ซึ่งทำให้สินค้าหรือบริการนั้นเคลื่อนตัว
 
           Multi หมายถึง มากกว่าหนึ่ง
 
           Level หมายถึง ระดับหรือรุ่น

           คำว่า MLM นั้น แพร่หลายมากเสียจนพวกพีระมิดหรือแชร์ลูกโซ่ที่ผิดกฎหมาย ได้พยายามทำตัวเองให้เหมือนกับธุรกิจเครือข่าย ซึ่งการกระทำดังกล่าวสร้างภาพลบอย่างร้ายกาจและไร้เหตุผลให้กับบริษัทธุรกิจ เครือข่ายใหม่ๆ
            มีสามวิธีหลักๆ ในการเคลื่อนสินค้าและบริการ คือ
 
                1. Retailing หรือ การขายปลีก ผมเชื่อว่า ทุกๆ คนคุ้นเคยกับระบบนี้ดีอยู่แล้ว คุณเดินเข้าไปในร้านของชำ ร้านขายยา หรือห้างสรรพสินค้า แล้วซื้อสินค้าบางอย่างออกมา
 
                2. Direct Sales (Single-Level Marketing) หรือ การขายตรง คือการเคลื่อนสินค้าไปสู่ผู้บริโภค ผ่านทางเทคนิคของการขาย เช่น การไปบ้านลูกค้าเพื่อนำเสนอสินค้า การโทรศัพท์ไปขายของให้กับลูกค้า การขายตรงบางครั้งถือว่าเป็นการขายที่ไม่มีพ่อค้าคนกลาง (เช่น ร้าน Retail หรือ บริษัทตัวแทนจำหน่าย) ยกตัวอย่าง (แต่ไม่เสมอไป) เช่น การขายประกัน เครื่องครัว สารานุกรม สาวขายเอว่อน  มิสทีน
 
                3. Multi-Level Marketing  (MLM) หรือ การตลาดเครือข่าย คือสิ่งที่เราจะพูดถึงในบทความนี้ เราไม่ควรสับสนระหว่างสองอย่างข้างบน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับการขายตรง คนส่วนใหญ่มักสับสนระหว่างการตลาดเครือข่ายกับการขายตรง
                ยังมีการตลาดอีกแบบหนึ่งที่เรียกว่า การสั่งทางไปรษณีย์ การทำการตลาดแบบไปรษณีย์สามารถถูกจัดอยู่ในกลุ่มของ Direct sales ได้ บางคนก็ถือว่าการตลาดทางไปรษณีย์เป็นการตลาดแบบที่ 4

                แบบที่ 5 ซึ่งมักถูกเข้าใจสับสนกับ MLM ก็ คือ แบบพีระมิดหรือแชร์ลูกโซ่ ดังที่กล่าวไปแล้วว่าแชร์ลูกโช่นั้นผิดกฎหมาย เหตุผลสำคัญที่ผิดกฎหมายเพราะว่ามันล้มเหลวในการเคลื่อนผลิตภัณฑ์ หรือการบริการไปสู่ผู้บริโภคได้ ถ้าผลิตภัณฑ์ไม่เคลื่อนไหว เราจะเรียกมันว่าการตลาดได้อย่างไร แชร์ลูกโซ่สามารถใช้คำว่า เครือข่ายได้ แต่ไม่สามารถใช้คำว่า การตลาดได้
 
          ข้อขัดแย้งส่วนใหญ่ในใจคนมากมาย ที่ทำให้เขาไม่เข้าร่วมทำธุรกิจ MLM คือ เขาไม่รู้ความแตกต่าง ระหว่าง MLM กับ การขายตรง ไม่แปลกใจเลยที่คนส่วนมากสับสนเพราะบริษัท MLM ที่ มีชื่อเสียงส่วนใหญ่นั้นอยู่ในสมาคมขายตรง และในบางครั้งคุณอาจมองการทำธุรกิจเครือข่ายเหมือนการการขายเดินขายของแบบ เคาะประตู เพราะว่าคุณได้รู้จักกับกับธุรกิจเครือข่ายครั้งแรก เมื่อผู้จำหน่ายเคาะประตูบ้านคุณเพื่อพยายามขายของบางอย่างให้กับคุณ ซึ่งแท้จริงแล้ว มีลักษณะบางอย่างที่แยก MLM ออกจากการขายตรง นั่นคือ หากคุณอยู่ในธุรกิจ MLM คุณอยู่ในธุรกิจเพื่อตัวของคุณเอง แต่ไม่ใช่โดยตัวของคุณเอง
 
          การเข้าร่วมธุรกิจคือคุณจะซื้อสินค้าในราคาขายส่ง (คุณควรใช้ผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเองด้วย) หลายคนเข้าร่วมธุรกิจเพราะเหตุผลข้อนี้ หลังจากนั้นคุณก็จะเริ่ม เอาจริงเมื่อคุณซื้อสินค้าในราคาขายส่งถ้าคุณต้องการ คุณสามารถขายปลีกและคุณจะได้ ผลกำไรคนจำนวนมากเข้าใจผิดว่า คุณ ต้องขาย ปลีก คุณจึงประสบความสำเร็จ บางบริษัทถึงกับกำหนดยอดขายให้สมาชิกทำยอดตามเป้าเพื่อเขาจะได้รับผลตอบแทน คุณสามารถขายถ้าคุณต้องการ หรือ ถ้าคุณจำเป็นต้องขายเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนก็ขายไปเถิดครับ แต่หากคุณต้องการสร้างรายได้มหาศาลแล้วหละก็ ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่แท้จริงนั้น มาจาก
การสร้างเครือข่าย

ประเด็นสำคัญ: ให้การขายเป็นสิ่งที่ตามมาจากการสร้างองค์กรโดยธรรมชาติ คนส่วนใหญ่ล้มเหลวเพราะเขาทำสิ่งที่กลับกัน คือ เขาพยายามสร้างองค์กรโดยการขาย
           คำว่า ขายเป็นความคิดทางลบในจิตใจคนถึง 95% ในธุรกิจเครือข่ายคุณไม่จำเป็นต้อง ขายตามความเข้าใจของโลก แต่อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ต้องเคลื่อนไหว มิฉะนั้นจะไม่มีใครได้รับเงิน ดอน เฟียล่า ได้นิยามคำว่า ขาย ไว้ว่า การโทรศัพท์ไปหาคนแปลกหน้า เพื่อขายของบางอย่าง ที่เขาอาจไม่จำเป็นต้องใช้ หรือ ไม่ต้องการ

          ขอยืนยันอีกครั้ง ผลิตภัณฑ์ต้องเคลื่อนไหว มิฉะนั้นจะไม่มีใครได้รับเงิน
MLM สามารถเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า Network Marketing เมื่อ คุณสร้างองค์กร แท้จริงแล้ว คุณกำลังสร้างเครือข่ายที่ใช้ในการกระจายสินค้าของคุณเอง การขายนั้นยังคงเป็นรากฐานของธุรกิจเครือข่าย เพียงแต่การขายในธุรกิจเครือข่ายนั้นมาจากการที่ผู้จำหน่าย แบ่งปันให้กับเพื่อนและญาติพี่น้องของเขา ไม่ใช่ให้กับคนแปลกหน้า การสร้างธุรกิจขนาดใหญ่ให้ประสบความสำเร็จคุณต้อง สร้างความสมดุลคุณต้องอุปถัมภ์ และสอน MLM ให้กับคนอื่น และในกระบวนการนี้เอง คุณจะสามารถสร้างลูกค้าได้ซึ่งก็คือเพื่อนๆ หรือญาติพี่น้องของคุณ  อย่าพยายามอุปถัมภ์คนทั้งโลกด้วยตัวของคุณเอง จงจำไว้ว่า Network marketing คือการสร้างองค์กรผู้จำหน่ายจำนวนมาก แต่ละคนขายคนละเล็กคนละน้อย ซึ่งดีกว่าการใช้คนจำนวนน้อยๆ ขายของปริมาณมาก ๆ

           บริษัทธุรกิจเครือข่ายส่วนใหญ่ไม่ต้อง เสียเงินปริมาณมหาศาลไปกับการโฆษณา เพราะสุดยอดแห่งการโฆษณาก็คือการบอกแบบปากต่อปากของสมาชิก ดังนั้น บริษัทเครือข่ายจึงมีเงินมาใช้ในการพัฒนาสินค้าได้มากกว่าบริษัททั่วๆ ไป ดังนั้น คุณภาพสินค้าจึงมักดีกว่าสินค้าคู่แข่งในกลุ่มเดียวกันที่พบตามร้านค้าปลีก คุณจึงเพียงแค่แบ่งปันสินค้าที่มีคุณภาพสูงกว่าสินค้ายี่ห้ออื่นๆ ในหมวดเดียวกัน ให้เขาเปลี่ยนมาใช้ยี่ห้อใหม่ ซึ่งคุณได้ทดสอบด้วยตัวคุณเองแล้วว่า มันดีกว่า
 
           คุณ คงเห็นแล้วว่านี่ไม่ใช่การเดินไปเคาะประตูตามบ้านเพื่อขายสินค้าให้กับคน แปลกหน้า ธุรกิจเครือข่ายที่ผมรู้จักสอนว่า การที่คุณแบ่งปันคุณภาพสินค้าและบริการให้กับเพื่อนของคุณ ทั้งหมดนี้แหละที่การขายเข้ามาเกี่ยวข้อง จริงๆควรใช้คำว่า
การแบ่งปันมากกว่า การขายเพราะมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
 
           หาก คุณทำงานให้กับบริษัทขายตรง และคุณตัดสินใจที่จะลาออกเพราะคุณต้องย้ายไปอาศัยที่ท้องถิ่นอื่น คุณอาจต้องเริ่มทำงานทั้งหมดใหม่อีกครั้ง แต่หากคุณอยู่ในบริษัท MLM คุณ สามารถย้ายไปในท้องที่ใดก็ได้ และเริ่มอุปถัมภ์ผู้คนใหม่โดยไม่สูญเสียยอดขายจากองค์กรที่คุณได้สร้างไว้ แล้วในท้องที่เดิม การทำธุรกิจเครือข่ายคุณสามารถสร้างรายได้ได้มากมายจากการสร้างองค์กร ไม่ใช่แค่การขาย ข้าพเจ้ายังขอยืนยังอีกครั้ง คุณสามารถมีความเป็นอยู่ที่ดีได้จากการขายของ แต่คุณสามารถสร้าง
ความมั่งคั่งอย่างถาวรได้ด้วยการสร้างองค์กรเท่านั้น
 
           ผู้คนจำนวนมากเข้าสู่ธุรกิจเครือข่ายเพียงแค่ต้องการมีรายได้เพิ่มเดือนละ 5,000 , 10,000 บาท หรือ 20,000 บาท ต่อเดือน และทันใดนั้นเขาต้องการที่จะจริงจังและเขาสามารถทำได้ถึงเดือนละ แสน หรือ 3 แสนได้ หรือมากกว่านั้น เขาเหล่านี้ไม่ได้หาเงินจำนวนมากจากการขายของ เขาทำได้จากการสร้างองค์กร
 
           นั่นคือวัตถุประสงค์ของ Blog JOJOE แห่งนี้ เราจะให้ความรู้คุณให้สามารถสร้างองค์กรได้และทำได้อย่างรวดเร็วด้วยโดยการสอนให้คุณสร้างทรรศนะคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับ
ธุรกิจเครือข่ายให้กับผู้มุ่งหวัง  หากผู้มุ่งหวังของท่านเข้าใจว่าธุรกิจเครือข่ายนั้นผิดกฎหมายเสียแล้ว คุณจะมีปัญหาในการอุปถัมภ์เขาอย่างแน่นอน
 
           คุณต้องชี้แจงให้เขาเห็นถึงข้อเท็จจริง เพื่อขจัดทรรศนะคติหรือความเข้าใจผิดที่ว่า ธุรกิจเครือข่ายนั้นเหมือนพีระมิดขอให้ทำความเข้าใจตัวอย่างข้างล่างและรูปนี้เพราะคุณสามารถนำมันไปใช้อธิบายกับผู้มุ่งหวังได้






พีระมิด หรือแชร์ลูกโซ่นั้นสร้างจากยอดลงมาด้านล่าง ดังนั้น ผู้ที่เข้ามาสู่ธุรกิจเป็นกลุ่มแรกเท่านั้นที่สามารถอยู่ด้านบนของพีระมิด แต่ในรูปสามเหลี่ยมในธุรกิจเครือข่าย ทุกๆ คนเริ่มต้นจากด้านล่างและมีโอกาสเท่า ๆ กันที่จะสร้างองค์กรขนาดใหญ่ของตัวเอง ทุกๆ คนสามารถสร้างองค์กรให้ใหญ่กว่าองค์กรของผู้แนะนำของเขาได้หลายเท่าถ้าต้อง การ  



           ข้อแตกต่างอีกอย่างของ MLM กับการขายตรงนั้นคือการ ช่วยเหลือ” (Sponsor) ผู้จำหน่ายคนอื่นๆ บางบริษัทอาจใช้คำว่า การหาสมาชิกใหม่ อย่างไรก็ตาม การ Sponsor กับการหาสมาชิกนั้นต่างกันอย่างแน่นอน คุณ Sponsor คนบางคน แล้ว สอนให้เขาทำสิ่งที่คุณทำอยู่ เพื่อให้เขาสร้างธุรกิจของเขาเอง การ Sponsor คนบางคน กับการทำให้คนบางคนเซ็นใบสมัครนั้นต่างกันมาก เมื่อคุณ “Sponsor” ใคร บางคน คุณกำลังให้คำมั่นสัญญาที่จะช่วยเขาจนกว่าเขาจะประสบความสำเร็จ หากคุณไม่ประสงค์ที่จะให้คำมั่น คุณกำลังทำร้ายเขาถ้าคุณทำให้เขาเซ็นใบสมัคร


           ณ จุดนี้ สิ่งที่คุณต้องการคือความตั้งใจจริงที่จะช่วยให้เขาสร้างธุรกิจของตัวเอง Blog JOJOE แห่งนี้จะเป็นอุปกรณ์ล้ำค่าที่จะแสดงให้คุณเห็นว่าคุณต้องทำอะไร และทำอย่างไร ในการช่วยเหลือคนคนหนึ่งให้สร้างธุรกิจของตัวเอง  มันเป็นความรับผิดชอบของ ผู้แนะนำที่จะสอนผู้ที่เขานำเข้ามาในธุรกิจให้รู้ถึงทุกสิ่งทุกอย่างใน ธุรกิจ เช่น การสั่งสินค้า การจดบันทึกความคืบหน้าในธุรกิจ การเริ่มต้น วิธีในการฝึกอบรม เพราะการช่วยเหลือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเครือข่ายเติบโต เมื่อองค์กรของคุณโต คุณก็จะเป็นนักธุรกิจอิสระที่ประสบความสำเร็จ ในที่สุดคุณจะกลายเป็นเจ้านายของตัวเอง!


           ดังที่ผมกล่าวไปในตอนต้นว่าภายในยุค 1990s MLM หรือ ธุรกิจเครือข่าย ได้ทำเงินไปมากกว่า หนึ่งร้อยล้านเหรียญ นี่เป็นธุรกิจที่ใหญ่มาก! แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่รู้ ธุรกิจเครือข่ายนั้นอยู่รอบๆ ตัวเรามามากกว่า 40 ปีแล้ว บางบริษัทที่เปิดทำการมากว่า 20 ปี กำลังทำเงินกว่าร้อยล้านเหรียญต่อปี ผมรู้จักบริษัทหนึ่งที่ทำรายได้มากกว่าสองล้านเหรียญในปีแรก ในปีที่สองเขาทำได้ถึงสิบห้าล้านเหรียญ ในปีที่สามเขาคาดหวังรายได้ 75 ล้านและ หนึ่งพันล้านเหรียญภายในปีที่ 5! หลักการใน Blog JOJOE แห่งนี้จะทำให้คุณเห็นว่าเป้าหมายของเขาจะเป็นจริงได้อย่างไร และสิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุก ๆ คน



: ทุกท่านสามารถแบ่งปันประสบการณ์หรือแชร์ความรู้สึกส่วนตัวได้นะครับ
  หรือมีปัญหาตรงไหนสามารถโฟสต์ถามได้เลยครับ


  โจ้(ทนงศักดิ์) JOJOE
      Email  :  kungel001@hotmail.com

      TEL      :  081-832-5411








อะไรคือ ธุรกิจเครือข่าย



         " ถ้าวันนี้มีคนให้เบ็ดตกปลา คัน กับ ปลาตัวใหญ่วันละตัว เราจะเลือกเอาอะไร "  
         ปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่า " ธุรกิจเครือข่าย " เป็นธุรกิจหนึ่งที่เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากกับชีวิตประจำวันของคนเรา  บางคนมีชีวิตดี  บางคนมีชีวิตการเป็นอยู่ไม่ดี  ขึ้นอยู่กับคนๆนั้น ได้พบได้สัมผัสได้ยินได้ฟัง ธุรกิจเครือข่ายมาในด้านไหน และสิ่งที่พบที่เจอนั้นเป็นธุรกิจเครือข่ายหรือแชร์ลูกโซ่ มีความจำเป็นที่เราต้องศึกษาและเรียนรู้และทำความเข้าใจเรื่องการทำธุรกิจเครือข่าย






            ทุก วันนี้บนโลกเปลี่ยนแปลงการดำรงชีวิตไปมาก เราต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์และทันต่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเข้ามาหาตัวเรา  วันนี้เรามาทำความรู้จักและทำความเข้าใจกับคำว่า ธุรกิจเครือข่าย
            ธุรกิจเครือข่าย เข้ามาในชีวิตคนไทยเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน โดยในสมัยนั้น ยังไม่มีใคร? เข้าใจได้ถ่องแท้มากนัก   โดยส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยมีใครนิยมทำกันเพราะไม่มีความเชื่อมั่นว่าทำแล้วจะ ได้ตามที่ผู้แนะนำบอกหรือเปล่า รวยจริงหรือเปล่า จึงทำกันแบบลองผิดลองถูก  และส่วนมากมักสื่อสารบอกต่อ เข้าใจไปว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ คิดว่าคนมาก่อนได้เปรียบ คนทำทีหลังเสียเปรียบ แต่เมื่อเวลาผ่านไปความจริงย่อมปรากฏ คนมาทำทีหลังกลับมีตำแหน่งแซงผู้มาก่อนและมีรายได้มากกว่า และกลับมีรายได้มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ทำงานเท่าเดิม แต่ที่มีรายได้มากขึ้นเพราะเครือข่ายขยายไปมากขึ้น  และที่สำคัญต้องยอมรับว่าการทำธุรกิจเครือข่ายมีผลทำให้คนไทยมีการพัฒนา ศักยภาพของตนเองตลอดเวลา เพราะธุรกิจเครือข่ายไม่ใช่งานขายของ แต่เป็นงานบริหารการจัดการเกี่ยวกับบุคลากรหรือคนโดยเฉพาะ เป็นการสร้างคนสร้างทีมงานให้มีความแข็งแกร่งทั้งชีวิตและจิตใจ มีทักษะในการทำธุรกิจ มีความซื่อสัตย์ มีความอดทน มุ่งมั่นต่องานที่ทำ ทำให้คนเรามีเป้าหมายเด่นชัดและบรรลุเป้าหมายได้ง่ายและมากขึ้น  มีหลายคน สำเร็จในธุรกิจเครือข่าย ร่ำรวยเพราะธุรกิจเครือข่าย แต่ก็มีหลายๆ คนล้มเหลวเพราะธุรกิจเครือข่ายเช่นกัน ทั้งนี้เพราะปรับตัวไม่ได้กับแผนและระบบการธุรกิจของบริษัทฯ นั้นๆ





            ในปัจจุบันผ่านมา 20 ปี ยอดขายในระบบเครือข่ายอยู่ที่ประมาณ 50,000 กว่าล้านบาท  มีผู้ประกอบการเปิดบริษัททำธุรกิจเครือข่ายมากมาย ทั้งที่อยู่ในสมาคมขายตรงและ ไม่ได้อยู่ในสมาคมขายตรง รวมแล้วน่าจะอยู่ประมาณ 200 – 300 บริษัท  มีผู้คนหลั่งไหลเข้าสู่ธุรกิจเครือข่าย นับล้านคน แต่ถ้าเทียบกับประชากรในประเทศไทยก็ยังถือว่าน้อยมาก ธุรกิจเครือข่าย จึงยังมีโอกาสการเจริญเติบโตไปได้อีกไกล   แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมี สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)  เข้ามากำกับดูแล   ทั้งนี้เพราะ มีผู้ประกอบการบางรายเปิดบริษัท เป็นแชร์ลูกโซ่ปั่นเงิน ไม่ได้ทำธุรกิจอย่างจริงจัง หลอกลวงชาวบ้านให้นำเงินมาลงทุน แล้วปิดบริษัท  เชิดเงินหนี  สร้างความเดือดร้อน  สร้างความเสื่อมเสียให้กับวงการธุรกิจเครือข่าย  ครั้งแล้ว ครั้งเล่า  ทำให้หลายคนขยาดกลัว  ทั้งๆ ที่ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจที่ดี มีความสวยงามที่หลายคนอยากสัมผัส   ดั้งนั้นธุรกิจเครือข่ายคืออะไร?   จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในแวดวงธุรกิจเครือข่ายร่วม 18  ปี   ธุรกิจเครือข่าย คือ   ระบบการทำธุรกิจที่ สามารถทำได้พร้อมๆ กัน  ทำเหมือนๆ  กัน ในเวลาเดียวกัน แม้ต่างสถานที่กันในระยะเวลายาวนานอย่างมั่นคง จนสามารถมีอิสรภาพทางด้านการเงิน,เวลา  และเป็นมรดกตกทอดถึงลูกหลานได้  แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์กติกาของแต่ละบริษัท ในการบริหารธุรกิจเครือข่าย การบริหารจัดการองค์กรสมาชิก รวมถึงผู้ที่ทำธุรกิจเครือข่ายนั้นๆ ว่าสามารถสร้างคนในเครือข่ายให้เป็นผู้นำได้อย่างไร สามารถบริหารธุรกิจเครือข่ายบริหารคนได้เองได้หรือไม่






: ทุกท่านสามารถแบ่งปันประสบการณ์หรือแชร์ความรู้สึกส่วนตัวได้นะครับ
  หรือมีปัญหาตรงไหนสามารถโฟสต์ถามได้เลยครับ..


โจ้(ทนงศักดิ์) JOJOE
   Email  : kungel001@hotmail.com
   TEL      :  081-832-541
1

วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การจูงใจผู้มุ่งหวังให้คล้อยตามความคิดของเรา

การจูงใจผู้มุ่งหวังให้คล้อยตามความคิดของเรา
  1. อย่าโต้แย้ง หรือ โต้เถียง โดยเด็ดขาดไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆก็ตาม
    • ถ้าไม่มีหน้าที่  อย่าไปพิสูจน์ว่าผู้มุ่งหวังถูกหรือผิด
    • หลังการโต้เถียงต่างฝ่ายต่างเชื่อมั่นว่าตนถูกมากกว่าเดิม  และจะรู้สึกเสียหน้าถ้าต้องเปลี่ยนความคิดเห็น
    • คนส่วนใหญ่โดยทั่วไปจะไม่เปลี่ยนทัศนคติต่อเรื่องใดๆ  ถ้าเขาต้องเชื่อเพราะถูกบังคับให้เชื่อในเรื่องที่เขาไม่เห็นด้วยมาตั้งแต่แรก
    • การโต้แย้ง เปลี่ยนใจคนส่วนใหญ่ไม่ได้
    • มิตรภาพ/ความรู้สึกที่ดี  จะไม่มีวันเกิดขึ้นหลังการโต้เถียงใดๆ 
  2. เคารพความคิดเห็นของผู้มุ่งหวัง   อย่าบอกว่าเค้าคิดผิด
    • ถ้าต้องการจะพิสูจน์ให้เห็นข้อเท็จจริงที่แตกต่างจากเขา   อย่าบอกให้เขารู้ตัวล่วงหน้า เช่น  
      อย่าพูด ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่า  สิ่งที่คุณพูดไม่ได้เรื่องหรือผิด”  ควรพูด เรื่องนี้ผมคิดอย่างนี้  ซึ่งอาจจะผิดก็ได้ 
    • นักวิทยาศาสตร์ จะไม่พยายามพิสูจน์สิ่งใดๆ เพียงแต่หาข้อเท็จจริงมาเผยแพร่เท่านั้น
    • ไม่มีมนุษย์คนใดชอบฟังความจริง ที่เกี่ยวข้องกับความผิดพลาด หรือ ความล้มเหลวของเขา
  3. ถ้า ทำผิด  ให้รีบผิดทันที โดยไม่มีข้อโต้แย้ง+เตรียมใจ   รีบตำหนิตัวเองอย่าแก้ตัว จะทำให้ลดแรงกดดันจากฝ่ายตรงข้ามได้มาก
  4. เริ่มต้นสนทนาด้วยมิตรไมตรีที่ดี
    • ถ้าเขายังโกรธเราอยู่  ไม่ว่าเราจะพูดอะไร เขาจะไม่เชื่อ ไม่ฟัง
    • แสดงให้เขาเห็นว่า เรามีเจตนาที่ดีต่อเขา ต้องการช่วยเขา ด้วยใจจริง
    • ปรึกษาหารือกันว่า  ทำไมเราจึงเห็นขัดแย้งกัน  ประเด็นปัญหาคืออะไร
  5. ทำให้ฝ่ายตรงข้ามยอมรับ คำว่า ใช่ ,ถูก,  ครับ ในทันทีที่เริ่มสนทนา
    • เทคนิคของ  Socrates  
    • เลือกเรื่องง่ายๆที่เป็นความจริงของเรื่องที่จะสนทนาที่จะพูดก่อน
  6. พูดให้น้อย  ฟังให้มาก  
    • ในบางกรณี  การฟังจะได้ประโยชน์มากกว่า  สร้างศัตรูได้น้อยกว่าการพูด
    • ผู้ประสบความสําเร็จส่วนมากชอบระลึกถึงการต่อสู้ดิ้นรนในอดีต
    • ไม่มีใครอยากฟังเราโม้ถึงความสำเร็จของเรา ควรถ่อมตนจะดีกว่า
  7. ทำให้เขาเกิดความรู้สึกว่าความคิดที่เราเสนอ  แท้ที่จริงเป็นความคิดของเขาแต่ลืมไป หรือ เป็นความคิดของเราแต่ให้เขาพิจารณาใคร่ครวญตัดสินใจเอง
    • ไม่มีใครมีความสุขที่ต้องทำอะไรเพราะความคิดของคนอื่น ถูกสั่งให้ทำ
    • คนทั่วไปชอบที่จะให้คนอื่นมาพูดกับเขาว่า  เขาต้องการอะไร  คิดอย่างไร
    • พยายาม พูดย้ำโดยไม่ตั้งใจ   เพื่อให้สิ่งที่พูดฝังอยู่ในใจของเขา  เผื่อที่เขาจะได้นำมันมาคิดแล้วคิดอีกแล้วตัดสินใจตามเรา
  8. พยายามอย่างสุจริตใจที่จะมองสิ่งต่างๆในแง่คิดของเขา
    • คนฉลาด    อดทน     มีคุณสมบัติพิเศษ  มีความเป็นผู้นำ  เท่านั้นจึงจะทำได้
    • ลองถามตัวเองว่า  ถ้าเราตกอยู่ในฐานะเดียวกับเขา  เราจะรู้สึกอย่างไร และจะแก้ปัญหาต่างๆอย่างไร
    • ผลสำเร็จอันงดงามในการติดต่อกับผู้อื่น อาศัยหลักการของความเข้าใจแง่คิดของเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง
    • ลองถามตัวเองว่า  ทำไมเขาจึงทำอย่างนั้น  ทำเพื่ออะไร  มีอะไรเป็นมูลเหตุจูงใจซ่อนอยู่ภายใน
  9. เห็นใจในความรู้สึกนึกคิด   ความต้องการ  ขีดจำกัด  ของเขา
    • แผ่เมตตา  ให้อภัย   ไม่อาฆาต
    • เห็นอกเห็นใจในชะตากรรมของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
  10. ขอร้องด้วยการพูดด้วยเหตุผลว่า สิ่งที่เราเสนอดีกว่าของเขา   แต่ไม่ใช่ว่าสิ่งที่เขาเสนอไม่ดี
    • ถ้าเราไม่มั่นใจว่า     เขาเป็นคนอย่างไร   ต้องสันนิฐานไว้ก่อนว่า  เขาเป็นคนมีเกียรติ์  ซื่อสัตย์สุจริต  และปฏิบัติต่อเขาด้วยดี
    • ทุกคนตีราคาคุณค่าของตัวเขาเองทุกคน
    • ปล่อยให้เขาคิดและเปรียบเทียบ ตัดสินใจดำเนินการเลือกเอง
    • คนแต่ละคนมีนิสัยต่างกัน  ได้รับการอบรบสั่งสอน มีประสบการณ์ชีวิตแตกต่างกัน จึงจำเป็นต้องมีวิธีการจัดการไม่เหมือนกัน
  11. แสดงความคิดเห็นให้เป็นที่เร้าใจ  มีพลัง  และด้วยความกระตือรือร้น
    • ใช้ถ้อยคำสุภาพ
    • ยิ้มแย้มแจ่มใสขณะพูด
    • ต้องเชื่อมั่นเต็มที่ว่า สิ่งที่เสนอนั้นสามารถปฏิบัติได้/ดีกว่าของเดิมจริง
  12. หรือ ลองใช้วิธีการพูดท้าทายดูบ้าง เช่น
    • สิ่งนี้เราเสนอนี้  คนที่เก่ง หรือ คนที่มีความสามารถเท่านั้นที่ทำได้ เราผู้เสนอมีเพียงความคิด แต่ไม่มีความสามารถ หรือ มีความชำนาญมากพอที่จะทำได้
    • สิ่งที่จะทํานี้ไม่ง่าย  แต่จากสิ่งที่ผ่านมาผมคิดว่าไม่เกินความสามารถของทุกคน
    • สิ่งนี้คุณทำได้อยู่แล้ว   ถ้าอยากจะทำ
    • ผมไม่ตำหนิคุณหรอกที่คุณรู้สึกกลัว   เพราะสิ่งนี้มันยาก ต้องใช้ความสามารถและความอดทนมาก   คนเก่งๆเท่านั้นที่จะทําได้                                                        




      : ทุกท่านสามารถแบ่งปันประสบการณ์หรือแชร์ความรู้สึกส่วนตัวได้นะครับ
        หรือมีปัญหาตรงไหนสามารถโฟสต์ถามได้เลยครับ.


        โจ้(ทนงศักดิ์) JOJOE
             Email  :  kungel001@hotmail.com

             TEL       :  081-832-5411